จากสถานการณ์ความไม่สงบ ความรุนแรง และการสูญเสียชีวิตในสี่จังหวัดชายแดนใต้ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จึงได้จับมือกับสภาประชาสังคมชายแดนใต้ สถาบันการจัดการระบบสุขภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (สจรส. มอ.) และสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (LDI) สร้างกลไกการมีส่วนร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพทุกกลุ่มวัย และสร้างสันติภาพผ่านเครื่องมือสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น
อีกเพียง 2 เดือน งานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2562 ก็จะเปิดฉากขึ้น โดยปีนี้คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) ได้ประกาศระเบีบบวาระที่จะเข้าสู่การพิจารณาจัดทำเป็นนโยบายสาธารณะใน 4 เรื่องใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ “วิถีเพศภาวะ : เสริมพลังสุขภาวะครอบครัว” ที่นับเป็นรากฐานของการสร้างความเข้มแข็งทางสังคม และมีความสำคัญเชิงประเด็นในระดับนานาชาติ
แม้ว่าประเทศไทยจะรับ “ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน” ที่ยืนยันหลักการว่าการเลือกปฏิบัติเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และถึงแม้ว่าที่ผ่านมารัฐไทยจะส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศผ่านการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนการออกกฎหมายหลายฉบับเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำทางเพศ และพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดจาก “เพศภาวะ”
ย้อนกลับไปราว 17-18 ปีก่อน คือในปี 2544 ทุกกระทรวงในประเทศไทย (ยกเว้นกระทรวงกลาโหม) ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย (Gender Focal Point : GFP) ขึ้น ทำหน้าที่สร้างความเข้าใจให้ข้าราชการ และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในประเด็นเพศภาวะ
สำหรับบรรดาเหล่าพ่อบ้าน-คุณสามีทั้งหลาย ลองได้มีโอกาสได้รวมรุ่นตั้งกลุ่มสังสรรค์กับพวกพ้องแบบปล่อยแก่ เดาได้เลยว่าบทสนทนาที่นำมาซึ่งความคึกคะนองหนีไม่พ้นเรื่องการ “นินทาภรรยา”
เรื่องที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุย หรือล้อเลียนกันอยู่ในวงบ่อยครั้ง คือเรื่องความเจ้าอารมณ์ของผู้หญิง ความแปรปรวน หงุดหงิดง่าย เราคุ้นชินและออกไปทางขำขันกับประโยคที่ว่า “ไม่รู้เมียหรือแม่กันแน่” โดยที่ไม่ได้คิดอะไร
รู้หรือไม่ว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของไทยมาตั้งแต่ปี 2541
สถิติของผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง คิดเป็นร้อยละ 16 ของการเสียชีวิตทั้งหมด หรือประมาณ 78,540 รายต่อปี สูงกว่าอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ปัจจุบันไทยครองแชมป์อันดับ 1 ของโลกเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น มะเร็งยังครองแชมป์ 20 ปีซ้อน ในฐานะสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย เพชฌฆาตรายนี้ปลิดชีพผู้ป่วยชาวไทยเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 ศพ
มุกตลกที่ได้ยินบ่อยๆ “มะเร็ง (มา-เล็ง) ไม่น่ากลัวเท่ามายิง” ชักจะไม่ค่อยขำแล้ว เพราะทุกวันนี้อัตราการเสียชีวิตของ ‘มะเร็ง’ น่าจะสูงกว่ามายิงแน่นอน เพราะ ‘มะเร็ง’ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยมาตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา โดยตลอด 20 ปี ไม่เคยมีโรคใดล้มแชมป์ได้
รู้สึกไหมว่าทุกวันนี้คนรอบข้างหรือคนที่รู้จักป่วยเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น ?
หลายต่อหลายครั้งที่เราได้ยินข่าวคราวว่ามีเพื่อนพ้อง-ญาติพี่น้องป่วยเป็นมะเร็ง เปิดรับสื่อหรือมองไปทางไหนก็เจอแต่มะเร็ง และถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่มีใครอยากเป็น แต่มะเร็งก็ได้ขึ้นแท่นโรคยอดฮิตโรคหนึ่งของคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มะเร็งครองแชมป์ 20 ปีซ้อน ในฐานะสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย เพชฌฆาตรายนี้ปลิดชีพผู้ป่วยชาวไทยเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 ศพ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทำให้ประชาชนเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลมาขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรม “การซื้อยากินเอง” ลดน้อยลง โดยในปี 2558 เหลือเพียงร้อยละ 17.5 ในขณะที่ก่อนหน้านี้เคยสูงถึงร้อยละ 60-80
อย่างไรก็ดี แม้ตัวเลขการซื้อยากินเองลดน้อยลง หากแต่พบว่ามีประชาชนจ่ายเงินเพื่อซื้อยาบำรุงและอาหารเสริมเพิ่มมากขึ้น และถึงแม้ตัวเลขดังกล่าวจะดูไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในอดีต แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็คือ “การซื้อยากินเอง” ยังถือเป็นทางเลือกแรกๆ ของคนจำนวนมาก