สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้าฯ จัดเวทีประชาเสวนาหาทางออก รับฟังความเห็นหาคำตอบ “ภาพอนาคตระบบสุขภาพที่ประชาชนต้องการ”เพื่อเป็นข้อมูลทบทวนธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2552 โดยเปิดเวทีประชาเสวนาหาทางออก ครั้งแรกเมื่อกลางเดือนมกราคม ที่กาญจนบุรี วางแผนจัดทั้งสิ้น 5 เวที ใน 4 ภาค
“นพ.ณรงค์ศักดิ์” ตั้งเป้าครบ 5 ปี ต้องทบทวนธรรมนูญสุขภาพให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยใช้สุขภาพพัฒนา เป็นพลเมืองที่มีพลังและคุณธรรม นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม มีจิตสาธารณะ เผยเตรียมรับสังคมผู้สูงอายุ แนะเปลี่ยนมุมมองผู้สูงวัยไม่เป็นภาระ แต่คือทรัพยากรบุคคลสำคัญ ย้ำลบความเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้านต่างๆ ทั้งในมิติพื้นที่สังคมเมืองและชนบท รวมถึงมิติของเศรษฐานะหรือผู้มีโอกาสและผู้ขาดโอกาส
กรรมการทบทวนฯ ปลื้ม เกิดธรรมนูญสุขภาพระดับพื้นที่หลายแห่ง ชุมชนนำไปขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมได้ แนะเขียนธรรมนูญสุขภาพฯ ใหม่เป็นโรดแมพ ออกแบบกลไกให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ประธานกรรมการฯ ระบุเป็นความสวยงามของกระบวนการมีส่วนร่วม ด้านเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(คสช.) ย้ำการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่สำเร็จเกินคาดหมาย หวังการทบทวนฯ จะปิดจุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง นำไปสู่การปฏิรูปแบบกัลยาณมิตร ก่อนนำเข้าบอร์ด คสช. เพื่อเสนอต่อ ครม. สู่กระบวนการของสภาฯ ต่อไป
หลังรับฟังข้อมูลพยานที่เชี่ยวชาญการดูแลผู้สูงอายุในหลากหลายมิติ คณะลูกขุนพลเมืองชี้สภาพเศรษฐกิจสังคมเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต ส่งผลกระทบต่อศักยภาพและความพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุ ขาดความพร้อมรับสถานการณ์สังคมวัยชรา แนะรัฐต้องเป็นเจ้าภาพหลักสนับสนุน จัดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน แนะให้ครอบครัวดูแลดีที่สุด แต่ยังขาดอุปกรณ์ ส่วนชุมชนดูแลหนุนเสริม ขณะที่สถานบริการเหมาะกับผู้มีกำลังทรัพย์ในสังคมเมือง