มติสมัชชา ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เป้าหมายมติ : บทบาทพระสงฆ์ในการเป็นผู้นำด้านสุขภาวะต่อชุมชนและสังคม
-

อ้างอิงมติ - 

รายงานความก้าวหน้า 

1.วัดร่วมพัฒนาชุมชนคุณธรรม ตามโครงการชุมชนคุณธรรมขับเคลื่อนด้วยพลัง บวร (บ้าน-วัด-โรงเรียน)

กรมการศาสนาได้ดำเนินงานขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๐ ตามกิจกรรมเป้าหมายหลัก คือ วัดร่วมพัฒนาชุมชนคุณธรรม ตามโครงการชุมชนคุณธรรมขับเคลื่อนด้วยพลังบวร ผลการดำเนินงานมีเครือข่ายวัดเป้าหมายที่เข้าร่วมการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๐ จำนวน ๔,๙๑๑ วัด

2. การพัฒนากลไกการทำงานร่วมกันระหว่างมหาเถรสมาคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ สสส. ในการดำเนินโครงการเสริมสร้างสุขภาวะเชิงพุทธของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล     (อ.ป.ต.) ในสังคมไทย โดยเป็นมติของมหาเถรสมาคมมติที่ ๘๘/๒๕๖๒ เรื่องโครงการเสริมสร้างสุขภาวะเชิงพุทธ    ของ อ.ป.ต. ในสังคมไทย โดยการสร้างเสริมสุขภาวะเชิงพุทธนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศีลห้า และงานสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม โดยมีความร่วมมือจากพระสงฆ์ระดับเจ้าคณะจังหวัด และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการดำเนินงานโครงการ

3. พัฒนากรอบการจัดการสภาพแวดล้อมในวัด โดยนำแนวคิดด้านการจัดการองค์กรเรื่อง   ๕ ส ซึ่งได้แก่ สะสาง สะดวก สะอาด สร้างมาตรฐานและสร้างวินัย เข้าสู่วัด โดยโครงการวัดสร้างสุขได้รับการบรรจุไว้ในกิจกรรมในแผนปฏิรูปพระพุทธศาสนาในปี ๒๕๖๐ และปัจจุบันได้ร่วมมือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อจัดการในเชิงกลไกเพื่อให้มีการทำงานเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมในวัดร่วมกันในรูปแบบของวัด ประชา รัฐสร้างสุข หลังจากมหาเถรสมาคมได้ประกาศให้กิจกรรมวัด ประชา รัฐ สร้างสุขเป็นกิจกรรมโครงการเชิงยุทธศาสตร์ หนึ่งใน ๑๕ โครงการตามที่คณะกรรมการประสานงานแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา (คปพ.) ได้กำหนดไว้ ก็เกิดความตื่นตัวในการปฏิบัติการเพื่อนำแนวคิดเรื่องการจัดการสภาพแวดล้อมในวัด โดยนำแนวคิดด้านการจัดการองค์กรเรื่อง ๕ ส เข้าสู่วัด อย่างเป็นรูปธรรม งานดังกล่าวได้นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ และได้รับการชื่นชมจากคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ของสภาผู้แทนราษฎร และในปี ๒๕๖๓ มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่สำคัญในท้องถิ่น อันได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สนับสนุนให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนาวัดอีกด้วย ซึ่งเป็นการพัฒนาวัดในฐานะที่เป็นพื้นที่สาธารณะและสภาพแวดล้อมที่สามารถเอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ

พัฒนาสภาพแวดล้อมในวัดในฐานะที่ให้วัดเป็นแหล่งเรียนรู้สุขภาวะ โดยร่วมมือกับสถาบันอาศรมศิลป์ ในโครงการวัดบันดาลใจนำแนวคิดด้านภูมิสถาปัตย์ และวิศวกรรม พัฒนาสภาพแวดล้อมของวัด เพื่อสร้าง “ศูนย์การเรียนรู้สุขภาวะ” ด้านจิตวิญญาณ พร้อมกันนี้ก็มีการพัฒนากิจกรรมที่สมสมัยเพื่อดึงดูดให้คนเข้าวัดโดยร่วมมือกับหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ โดยมีวัดต้นแบบ จำนวน ๙ วัด วัดขยายผลของโครงการ จำนวน ๒๓ วัด ตัวอย่างวัดต้นแบบ เช่น วัดสุทธิวราราม กรุงเทพ ฯ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ นนทบุรี วัดมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย พระนครศรีอยุธยา วัดภูเขาทอง พระนครศรีอยุธยา วัดศรีทวี นครศรีธรรมราช วัดพระธาตุพนม นครพนม วัดป่าโนนกุดหล่ม ศรีสะเกษ วัดนางชี กรุงเทพ ฯ และวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เชียงใหม่

4. พัฒนาแกนนำเครือข่ายพระสงฆ์และเครือข่ายกลุ่มองค์กรวัด อันได้แก่

  • ทำงานร่วมกับเครือข่ายของมหาวิทยาลัยสงฆ์ อันได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ภายใต้โครงการเสริมสร้างสุขภาวะและการเรียนรู้ตามแนวพระพุทธศาสนาซึ่งจะมีการพัฒนารูปแบบและพัฒนาขีดความสามารถของคณะสงฆ์เพื่อเป็นแกนนำในการเสริมสร้างสุขภาวะและการเรียนรู้ของสังคม โดยมีเป้าหมายในพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือให้องค์กรทางพระพุทธศาสนาระดับจังหวัด สามารถสร้างเครือข่ายการทำงานเพื่อการเสริมสร้างสุขภาวะและการเรียนรู้ตามแนวพระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานในคณะสงฆ์ ๑๘ จังหวัดต้นแบบ พัฒนาพระนิสิตธรรมทายาทเพื่อการพัฒนาสังคม และพระนิสิตปฏิบัติศาสนกิจเพื่อสังคมสุขภาวะ
  • ทำงานร่วมกับเครือข่ายวัดที่เป็นศูนย์กลางด้านจิตวิญญาณ เช่น เครือข่ายวัดวิถีพุทธเฉลิมพระเกียรติ โดยร่วมกับมูลนิธิวัดปัญญานันทารามในการดำเนินงานโครงการพัฒนาวัดวิถีพุทธเฉลิมพระเกียรติเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตพุทธบริษัทสี่ โดยโครงการนี้เริ่มจากการเปิดวัดวันวันอาทิตย์ และมีการพัฒนาต่อเป็นวัดวิถีพุทธเฉลิมพระเกียรติ โดยเน้นแนวคิดการพัฒนาวัดเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตพุทธบริษัทสี่ด้วยแนวคิดสัปปายะทั้งสี่ อันประกอบด้วย อาวาสสบาย ทำวัดเป็นสถานที่และจัดสภาพแวดล้อมในวัดให้เป็นสัปปายะสถาน อาหารสบาย สร้างพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพตามหลักโภชนาการ บุคคลสบาย สร้างพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพด้วยหลักกายบริหาร และตามสุขบัญญัติ ถือพรหมจรรย์ มีกัลยาณมิตร และธรรมสบาย มีการทำกิจกรรมดี ๆ ตามหลักบุญกิริยาวัตถุ และเปิดวัดวันอาทิตย์ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาปฏิบัติธรรมในวันหยุดทำงาน
  • ทำงานร่วมกับเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา โดยร่วมกับโครงการพุทธชยันตี พอเพียง เคียงธรรม : สู่สังฆะแห่งความสุข ซึ่งเป็นการพัฒนาเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาใน ๔ ภาค กลุ่มแกนนำพระสงฆ์นักพัฒนาก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่สำนักให้การสนับสนุน โดยมีการผลิตองค์ความรู้เกี่ยวกับพระสงฆ์นักพัฒนา ซึ่งเป็นการเล่าถึงปูมหลังชีวิต และจุดพลิกผัน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา และพัฒนาแกนนำของพระสงฆ์พระธรรมทายาท เพื่อให้สามารถเป็นทุนทางสังคมที่สำคัญในการขยายงานด้านสุขภาวะสู่สังคม อันได้แก่ โครงการพระธรรมทายาท ที่สร้างหลักสูตรและขยายเครือข่ายพระธรรมทายาทที่สอดคล้องกับสังคมปัจจุบันโดยสอดแทรกประเด็นสุขภาวะลงไปด้วย

5. บทบาทของพระคิลานุปัฏฐากในสถานการณ์โควิด-19 ทำหน้าที่ในการให้ความรู้ ป้องกัน และดูแลพระสงฆ์ ยกตัวอย่างเช่น

  • บทบาทของพระคิลานุปัฏฐากจังหวัดมหาสารคามในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค
    มี ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านร่างกาย คือ การป้องกันการแพร่ระบาด การดูแลรักษาสุขภาพ และส่งเสริมสุขภาวะทางด้านร่างกาย (๒) ด้านสังคม คือ กำกับดูแลการทำกิจวัตรปลอดเชื้อและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคในศาสนสถาน ลดความเสี่ยงในการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา (๓) ด้านจิตใจ คือ การเยียวยาสุขภาพจิตและอบรมจิตตภาวนา (๔) ด้านปัญญา คือ การให้ความรู้ที่ถูกต้อง ให้คำปรึกษา ให้ธรรมะ และการอบรมปัญญาภาวนา

 

  • ถอดบทเรียนการดำเนินงานของพระคิลานุปัฏฐากในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง กรมอนามัย นำทีมโดยรองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ และได้รับเกียรติจากพระเทพสุวรรณเมธี รองเจ้าคณะกรุงเทพ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เป็นประธาน ในการร่วมถอดบทเรียนการดำเนินงานของพระคิลานุปัฏฐาก ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ 
    ณ ศูนย์พักคอยวัดสะพาน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
  • จัดทำสื่อ/แนวทางการปฏิบัติตัวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำสื่อรณรงค์เพื่อป้องกันแพร่ระบาดของโรค COVID-19 กระจายไปยังวัดทุกภูมิภาค และมีการบันทึกเทปสัมภาษณ์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ในการให้ความรู้และกำลังใจแก่คนไทยในช่วงโควิด
  • ปรับเปลี่ยนสถานที่วัดเป็นศูนย์พักคอยของชุมชนเพื่อดูแลคนในชุมชน และสถานแยกกักตัวที่วัด (Temple Isolation) ของพระสงฆ์ที่อาพาธ เพื่อรองรับพระอาพาธที่ติดเชื้อโควิด-๑๙ จากโรงพยาบาลสงฆ์  ตลอดจนรองรับปัญหาซึ่งปัญหาบริบทของเมืองที่มีทั้งแรงงานต่างถิ่น แรงงานต่างชาติซึ่งติดเชื้อ ไม่สามารถกลับถิ่นเกิดได้ด้วยสภาพอาการที่เป็นอยู่ มติมหาเถรสมาคมได้มีมติครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ มติที่
    ๔๙๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ เรื่อง ขอความเห็นชอบแนวทางการดำเนินการจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อชุมชนในวัด และแนวทางการดำเนินการจัดตั้งศูนย์พักคอยกุฎิสงฆ์อาพาธในวัด และเป็นการวางแนวทางการจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อชุมชน (Community Isolation) ในวัด และแนวทางการดำเนินการจัดตั้งศูนย์พักคอยกุฏิสงฆ์อาพาธ (Temple isolation) สำหรับพระภิกษุและสามเณรผู้อาพาธติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในวัด เงินอุดหนุนให้กับวัดที่ขอประทานพระอนุเคราะห์จากเงินกองทุนสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชแก่วัดที่จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอยเพื่อบริการทางด้านสาธารณสุข ให้กับผู้ได้รับผลกระทบหรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงพยาบาลสนาม จำนวน ๖๐ แห่ง ศูนย์พักคอย จำนวน ๔๘๘ แห่ง จำนวนเงินทั้งสิ้น ๔๖,๔๕๐,๐๐๐ บาท