มติสมัชชา ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เป้าหมายมติ : ระบบการจัดการอาหารในโรงเรียน เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ ระเบียบวาระของจังหวัด และระเบียบวาระของท้องถิ่น
1. รัฐบาลโดยคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมผู้ปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผลักดันให้ “ระบบการจัดการอาหารในโรงเรียน” เป็นระเบียบวาระแห่งชาติ ระเบียบวาระของจังหวัด และระเบียบวาระของท้องถิ่น

อ้างอิงมติ

รายละเอียดความก้าวหน้า 

 

  1. คณะรัฐมนตรี ที่ประชุม ครม. (8 พ.ย. 65) อนุมัติปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนระดับชั้นเด็กเล็กถึงระดับชั้น ป.6 เป็น 4 ระดับ ตามขนาดโรงเรียน ดังนี้ นักเรียน 1 - 40 คน เงินค่าอาหารกลางวัน 36 บาท/คน/วัน นักเรียน 41 - 100 คน เงินค่าอาหารกลางวัน 27 บาท/คน/วัน นักเรียน 101 - 120 คน เงินค่าอาหารกลางวัน 24 บาท/คน/วัน นักเรียน 121 คนขึ้นไป เงินค่าอาหารกลางวัน 22 บาท/คน/วัน นอกจากนี้ ยังอนุมัติหลักการในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และอนุมัติหลักการในการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี รายการค่าใช้จ่ายค่าอาหารกลางวันของนักเรียนเป็นอัตราดังกล่าว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไปด้วย โดยจะครอบคลุมนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 - ป.6 ของ รร.ประถมศึกษา 5 สังกัด จำนวนกว่า 5,792,119 คน ประกอบด้วย โรงเรียนสังกัด สพฐ.โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) (รวมทั้งที่จัดตั้งขึ้นเองและรับถ่ายโอน) โรงเรียนสังกัดตำรวจตะเวนชายแดน สถานศึกษาสังกัดการศึกษานอกระบบ สถานศึกษาสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยจะครอบคลุมนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 - ป.6 ของ รร.ประถมศึกษา 5 สังกัด จำนวนกว่า 5,792,119 คน ประกอบด้วย

• โรงเรียนสังกัด สพฐ.

• โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) (รวมทั้งที่จัดตั้งขึ้นเองและรับถ่ายโอน)

• โรงเรียนสังกัดตำรวจตะเวนชายแดน

• สถานศึกษาสังกัดการศึกษานอกระบบ

• สถานศึกษาสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

การปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนขนาดเล็กที่มี นร. น้อยกว่า 120 คน ช่วยให้การบริหารจัดการงบประมาณเป็นไปอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับขนาดของโรงเรียนและจำนวน นร. ทำให้โครงการอาหารกลางวันมีคุณภาพและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

  1. สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน แจ้งให้โรงเรียนในสังกัดจัดทำงบประมารในส่วนค่าอาหารกลางวันตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 (ประจำปีงบแระมาณ 2565) เพื่อขอปรับอัตราค่าอาหารกลางวันของนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เด็กเล็ก-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากอัตรา 20 บาท/คน/วันเป็น 21 บาท/คน/วัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 เพื่อให้เพียงพอที่หน่วยงานจะสามารถบริหารจัดการโครงการอาหารกลางวันของนักเรียนให้มีคุณภาพ
  2. กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำโครงการกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา
  3. กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) จัดทำ(ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการอาหารของประเทศไทย ระยะที่ 1 ( พ.ศ.2566 - 2570)ภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านอาหารศึกษา
  4. กระทรวงสาธารณสุข (กรมอนามัย) จัดทำโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพสู่มาตรฐานสากล สร้างเด็กไทยให้จัดการปัญหาสุขภาพตนเองได้
  5. กระทรวงมหาดไทย มีพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่รองรับเงินอุดหนุนทั่วไปด้านการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการอาหารกลางวันหรือพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา พ.ศ. 2535
  6. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ) มียุทธศาสนตร์การพันาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (พ.ศ.2560-2564) ยุทธศาสตร์ที่ 4 การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ไปสู่การปฏิบัติตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ถึงระดับชาติโดยมีกลไกในการให้ความรู้และคำแนะนำ มีการติดตามประเมินผลเป็นระยะๆ เพื่อให้การบูรณาการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งจัดสรรงบประมาณในการบริหารจัดการโครงการต่างๆให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์โดยมีเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานตามประเด็นยุทธศาสตร์ มีหลักการคือ นำแผนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยบูรณาการกับทุกภาคส่วน มีวัตถุประสงค์เพื่อ ผลักดันการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม บรรลุผลตามเป้าหมายโดยความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร