คจ.สช.หารือวาระร้อน ‘สาธารณสุขชายแดน’ เสนอกลไก สช. หาทิศทางรับมือนโยบายสหรัฐฯ พร้อมถกแนวทางจัด ‘สมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 18’ | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ที่ประชุม คจ.สช. 2567-2568 ร่วมพิจารณาแนวทางจัด “สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18” เผยความคืบหน้า 2 ประเด็น “การเปลี่ยนผ่านพลังงาน - Silver Economy” เตรียมการแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาประเด็น พร้อมหารือปมปัญหาร้อน ระบบสาธารณสุขชายแดน-ผลพวงจากนโยบายสหรัฐอเมริกา เสนอใช้กลไก พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติฯ สร้างนโยบายสาธารณะแก้ไขปัญหา

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดประชุมคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) พ.ศ. 2567-2568 ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งมี ดร.สัมพันธ์ ศิลปนาฎ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวทางการจัด “สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568” รวมถึงติดตามความคืบหน้าในการดําเนินงานพัฒนาประเด็น การแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาประเด็น พร้อมทั้งพิจารณาแผนการดําเนินงานของ คจ.สช. ในระยะต่อไป
 

สัมพันธ์ ศิลปนาฏ


ดร.สัมพันธ์ เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมของการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 17 ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27-28 พ.ย. 2567 ได้มีผู้เข้าร่วมงานทั้งในสถานที่ประชุมและผ่านช่องทางออนไลน์รวม 1,639 คน และมีผู้ที่เข้าร่วมในกระบวนการพัฒนามติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ทั้ง 2 ประเด็น รวม 1,972 คน โดยล่าสุดทางทีมคณะทำงานได้มีการประเมินผลและสรุปบทเรียนออกมาเป็นข้อเสนอแนะในด้านต่างๆ เพื่อให้ทาง คจ.สช. ได้นำมาพิจารณาร่วมกัน และนำไปสู่การพัฒนากระบวนการทำงานต่อไป

สำหรับการสรุปบทเรียนการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 17 ได้มีข้อเสนอแนะ เช่น กรอบแนวทางการจัดสมัชชาสุขภาพฯ จะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเพิ่มการเข้าถึง เพิ่มความเชื่อมโยงสมัชชาสุขภาพแห่งชาติกับพื้นที่ระดับจังหวัด สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของภาคีเครือข่าย เพิ่มการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง สร้างกลไกผลักดันมติไปสู่การปฏิบัติ บูรณาการเข้ากับนโยบายด้านสุขภาพของประเทศ เป็นต้น

ดร.อังคณา เลขะกุล ประธานคณะอนุกรรมการกำกับ สนับสนุน และเชื่อมโยงกระบวนการสมัชชาสุขภาพ กล่าวว่า ในการวางกรอบแนวทางการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ซึ่งจะมีการจัดขึ้นในช่วงเดือน พ.ย. 2568 นี้จะยังคงยึดโยงกลับไปบนเป้าหมายตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ในการมุ่งเน้นให้เป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้คนในสังคมอย่างสมานฉันท์ ที่นำไปสู่การเกิดนโยบายสาธารณะเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีของประชาชน จึงได้วางกรอบออกมาบนพื้นฐานของหลักการ 4PW
 

อังคณา เลขะกุล


ทั้งนี้ ประกอบด้วย Participation ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมที่ไม่เฉพาะในวันจัดสมัชชาสุขภาพฯ เท่านั้น แต่ต้องมีตลอดเส้นทางกระบวนการ นับตั้งแต่การกำหนดประเด็น การจัดทำวาระนโยบาย, Public Policy ยืนหยัดอยู่บนหลักการสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ที่ต้องดึงการมีส่วนร่วมของทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคมและเอกชน เข้ามามีส่วนร่วม, Process ไม่ได้เน้นเฉพาะกระบวนการขาขึ้น แต่ยังต้องเน้นต่อในขาเคลื่อน โดยทำงานร่วมกับกลไกอื่นๆ เช่น หน่วยงานระดับพื้นที่ และ Wisdom ให้คุณค่ากับการพูดคุยที่จะส่งเสริมให้เกิดปัญญาจากกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน

ดร.อังคณา กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าการดำเนินงานพัฒนาประเด็น ขณะนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเด็น คือ 1. การเข้าถึงและการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างมีส่วนร่วมและสร้างสรรค์ ได้มีการหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักคือ กระทรวงพลังงาน โดยมติจะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยเฉพาะโซลาร์เซลล์ ทั้งในมิติเรื่องของเทคโนโลยี การเข้าถึง การส่งเสริมให้คนใช้งานมากขึ้น ตลอดจนการดูแลรักษา และมองไปจนถึงกระบวนการกำจัดที่ครบวงจร โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการร่างรายชื่อคณะทำงานพัฒนาประเด็นฯ ที่มี รศ.สุธา ขาวเธียร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธาน

2. การสร้างโอกาสและมูลค่าร่วมใน Silver Economy ได้มีการหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักคือ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) โดยมติจะมุ่งเน้นไปถึงการสร้างโอกาสและเตรียมความพร้อมในสังคมผู้สูงวัย โดยมองผู้สูงอายุทั้งในมิติของผู้ผลิต เมื่ออายุมากขึ้นจะสามารถทำงานอะไร ศักยภาพใดที่ยังมีอยู่และนำมาใช้ประโยชน์ได้ และในมิติของผู้บริโภค ว่าจะมีศักยภาพในการจับจ่ายซื้อของอย่างไร จะมีสินค้าและบริการอะไรที่สอดคล้องกับเขา รวมทั้งไม่ได้มองไปที่ผู้สูงอายุอย่างเดียว แต่ไม่ว่ากลุ่มอายุใดก็จะต้องมีการเตรียมความพร้อมก่อนไปถึงจุดนั้น โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการร่างรายชื่อคณะทำงานพัฒนาประเด็นฯ ที่มี น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒน์ เป็นประธาน

ขณะที่ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองประธานกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดําเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีประเด็นที่สำคัญและน่าสนใจอีกอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ ประเด็นสืบเนื่องของการกระจายอำนาจ การถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่มีความเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนผ่านผู้บริหารท้องถิ่นชุดใหม่ ซึ่งควรเข้าไปดูว่าพื้นที่ต่างๆ มีประเด็นปัญหาอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อทำให้การบริการสุขภาพแก่ประชาชนนั้นดีขึ้นหรือไม่ด้อยไปกว่าเดิม
 

สุพรรณ ศรีธรรมมา


นพ.สุพรรณ กล่าวว่า อีกหนึ่งประเด็นร้อนที่มีความสำคัญจำเป็นขณะนี้ คือปัญหาระบบสาธารณสุขชายแดน ภายหลังสหรัฐอเมริกายกเลิกความช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน ที่จะส่งผลให้เกิดภาระหนักต่อหน่วยบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชายแดนเพิ่มมากขึ้น ยังไม่รวมไปถึงผลกระทบในอีกหลายด้าน ที่อาจเกิดจากนโยบาย เช่น การถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) การยกเลิกสนับสนุนหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) เป็นต้น
 

คจ.สช.


สำหรับที่ประชุม คจ.สช. ในครั้งนี้ ได้ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 และการดำเนินงานพัฒนาประเด็นต่างๆ โดยขณะเดียวกันยังได้มีการหารือถึงประเด็นผลพวงจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เห็นพ้องถึงความสำคัญเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องหาเวทีในการพูดคุยเพื่อให้เกิดแนวทางในการรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น พร้อมเสนอถึงการใช้กลไกของ สช. และ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติฯ เช่น สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ สมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น ฯลฯ ที่จะเข้ามาทำให้เกิดกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะที่สนองตอบในเรื่องนี้ต่อไป

ด้าน นายสมเกียรติ พิทักษ์กมลพร ผู้อํานวยการสำนักนโยบายสาธารณะภาคใต้ สช. กล่าวว่า ในส่วนของข้อคิดเห็นและข้อเสนอจากที่ประชุม คจ.สช. ในเบื้องต้น จะมีการนำไปหารือกับทีมผู้บริหาร สช. และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อนำประเด็นปัญหาที่เป็นวาระเร่งด่วนในขณะนี้ไปสู่การจัดการทิศทางนโยบายระบบสุขภาพในระดับประเทศ ผ่านการดำเนินงานของ สช. ที่มีกลไกของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งสามารถเสนอแนะนโยบายด้านสุขภาพเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้โดยตรง
 

สมเกียรติ พิทักษ์กมลพร

 

วรัญญู

 

รูปภาพ
คจ.สช.